"อโรคยา ปรมาลาภา"
การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
โอวาทของพระพุทธเจ้าที่ได้กล่าวไว้
ช่างเป็นความจริงอย่างปฎิเสธไม่ได้
เพียงแค่เรารู้ว่าเราเริ่มป่วย
ใจเราก็ป่วยไปไหนต่อไหนแล้ว
พอเราป่วยไปแล้วจริงๆ
นอกจากพลังกำลังถดถอย
ทำอะไรไม่ได้อย่างเคย
ยังพาให้คนรอบข้างลำบากไปด้วย
มันถึงเวลาที่เราจะหันมาให้ความสนใจ
ใส่ใจกับสุขภาพร่างกายของเราเอง รวมถึง
ดูแลอาหารการกินในทุกๆ มื้อตั้งแต่วันนี้
เพราะคงไม่มีใครจะดูแลเราได้
หากเราไม่เริ่มต้นที่จะดูแลตัวเองก่อน
แนวทางในการพิจารณาอาหารง่ายๆ
เบื้องต้นทำได้ดังนี้
1. พิจารณาส่วนประกอบในอาหารนั้น
อาหารที่มีธัญพืช ผักและผลไม้
เป็นส่วนประกอบหลักย่อมดีที่สุด
และหากในอาหารนั้นจำเป็นต้องมี
การเติมน้ำตาลหรือไขมัน
ก็ไม่ควรเกินให้เกิน 4 กรัมต่อ 1 มื้อ
แต่ถ้าไม่มีการเติมน้ำตาลและไขมันเลย
ก็จะดีที่สุด
2. ลักษณะการปรุงสุก
ควรใช้กระบวนการต้ม นึ่ง อบ
และงดเว้นการทอด หากอาหารนั้น
จำเป็นต้องทอดจริงๆ ก็ให้สลัด
น้ำมันออกให้มากที่สุดและ
ควรเป็นน้ำมันรำข้าวจะดีที่สุด
ในส่วนของ "อาหารมื้อว่าง"
จำพวกเบเกอรี่ คุกกี้ เค้ก ขนมปัง
เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงบริโภค
เพราะส่วนประกอบหลักของเบเกอรี่ คือ
แป้ง เนยและน้ำตาล สามแสบที่จะทำให้เรา
เผชิญกับภาวะอ้วนและเบาหวานแน่นอน
หากยังต้องการบริโภค ต้องทำเอง
หรือให้พิจารณาฉลากตามแนวทางด้านบน
คือ ประกอบจากธัญพืช ผักและผลไม้
และ มีปริมาณน้ำตาลและไขมันน้อย ที่สุด
ปัจจุบัน เบเกอรี่เพื่อสุขภาพ
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วน
และโรคเบาหวานเริ่มมีจำหน่ายอยู่บ้าง
ในการที่จะเลือกซื้อนอกจากจะตรวจสอบ
ส่วนประกอบแล้ว ยังต้องเลือกผู้ผลิตที่ไว้ใจได้
แจ้งสถานที่ผลิต และเลข อย. อย่างชัดเจน
จะช่วยให้ไม่ถูกหลอก และมั่นใจในสุขภาพของเราได้